รู้หรือไม่ !! แค่ใช้ PC ก็ส่งผลต่อดวงตา

วันที่เผยแพร่ 01 ส.ค. 2562

แค่ใช้ pc ก็ส่งผลต่อดวงตา , glare , blue light , digital eye stain , computer vision syndrome




“Computer Vision Syndrome หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Digital eye stain”  เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากการใช้อุปกรณ์ดิจิทัล (เช่น คอมพิวเตอร์ มือถือ แท็บเล็ต) เป็นเวลานานต่อเนื่อง จนทำให้เกิดอาการไม่สบายตา ปวดตา เมื่อยล้าตา ตาพร่ามัว ตาแห้ง ปวดศีรษะ ปวดต้นคอ ปวดบ่าและปวดไหล่ตามมาได้ สาเหตุมักเกิดจาก 1. จอดิจิทัลจะปล่อยแสงสีฟ้า (blue light) และแสงกระจาย (glare) ที่ทำให้เราไม่สบายตา 2. แสงสว่างในห้องไม่เหมาะสม เช่น สว่างเกินไป หรือมืดเกินไป 3. ระยะห่างระหว่างตาและหน้าจอไม่เหมาะสม 4. ท่าทางการนั่งทำงานที่ไม่เหมาะสม 5. การไม่ได้แก้ไขสายตาผิดปกติ เช่น สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง แล้วฝืนใช้สายตามอง ก็มีส่วนทำให้อาการเป็นมากและเร็วขึ้นได้   วิธีป้องกันและแก้ไข 1.แว่นตา  ในกรณีที่มีสายตาผิดปกติ หรือคนที่เริ่มมีอายุ 38 ปีขึ้นไป แล้วต้องใช้คอมพิวเตอร์ทำงานตลอดทั้งวัน อาจมีความจำเป็นต้องตัดแว่นที่มีค่าสายตาที่เหมาะสมสำหรับระยะในการใช้คอมพิวเตอร์ และควรเลือกเลนส์ที่ช่วยกรองแสงสีน้ำเงินได้ด้วย 2. ปรับท่าทาง ระยะการมอง และแสงสว่างให้เหมาะสม เช่น หน้าจอคอมพิวเตอร์ควรต่ำกว่าระดับสายตา 15-20 องศา, ติด anti-glare screen ที่หน้าจอ  ปรับเก้าอี้ให้นั่งสบาย ขาทำมุมตั้งฉาก หากขาลอยให้หาอะไรมารองขา, แขนท่อนล่างควรทำมุมกับแขนท่อนบน 90-100 องศา และมีที่รองแขนขณะใช้งานแป้นคีย์บอร์ดหรือเม้าส์ ข้อมือไม่ควรวางพักบนแป้นคีย์บอร์ดขณะพิมพ์ 3. กะพริบตาบ่อยๆเป็นวิธีง่ายๆ สามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ช่วยในการผ่อนคลายสายตา เนื่องจากคนเราเวลาตั้งใจดูอะไรจะทำให้การกะพริบตาลดลง ทำให้เกิดอาการตาแห้งและตาพร่ามัวตามมา การกะพริบตาทำให้น้ำตากลับมาเคลือบผิวตาได้ดีขึ้นมองเห็นชัดเจนขึ้น หรืออีกวิธีก็คือการหยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ ทุก 1 - 2 ชั่วโมง 4. 20-20-20 ruleเป็นกฎสากลของโลก ก็คือ ทุกๆ 20 นาทีที่ใช้อุปกรณ์ดิจิทัล ควรหยุดพักสายตา 20 วินาที โดยการมองวัตถุไกลกว่า 20 ฟุตหรือประมาณ 6 เมตร แค่นี้ก็ป้องกันอาการเมื่อยล้าตาในระยะยาวได้