ภัยเงียบที่หลายคนคิดไม่ถึง !!! (ภาวะสูญเสียประสิทธิภาพการมองเห็นชั่วคราว)

วันที่เผยแพร่ 12 ก.พ. 2563

โรคต้อหิน , เส้นประสาทตาอักเสบ , โรคทางตา , จอประสาทตาอุดตัน , ไมเกรน , ดวงตา , โรคตาแห้ง , ภัยเงียบ




ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญมาก เพราะถือเป็น 1 ในประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของมนุษย์ ช่วยให้เรารับรู้สิ่งต่างๆรอบตัวผ่านการมองเห็น ดั้งนั้นการมองเห็นที่ชัดเจนจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก หากวันหนึ่งอยู่ๆดวงตาของเรามืดลงชั่วขณะ หรือความสามารถในการมองเห็นลดลงไปบางส่วน อาจจะเป็นแค่ข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง แน่นอนการใช้ชีวิตประจำวันคงลำบาก เอ๊ะ!! แล้วมันเกิดจากอะไร วันนี้เรามีคำตอบให้ค่ะ  

ภาวะสูญเสียประสิทธิภาพการมองเห็นชั่วคราวแบ่งออกเป็น 2 สาเหตุ

1. เกิดจากโรคที่ไม่รุนแรง เช่น ตาแห้ง ไมเกรน เป็นต้น

  • โรคตาแห้ง เป็นอีกหนึ่งภาวะที่คนปัจจุบันประสบเป็นจำนวนมาก สาเหตุหลักมักเกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์  การใช้สมาร์ทโฟนในที่แสงน้อย ซึ่งส่งผลให้เกิดการระคายเคืองดวงตา รวมไปถึงการเกิดโรคตาแห้งที่อาจส่งผลเสียได้มากกว่าที่คิด  เช่น เคืองตา แสบตา มีความรู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมคล้ายทรายหรือฝุ่นอยู่ในตา รู้สึกแสบตาง่าย แพ้แสง แพ้ลม ตามัว และการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ในระยะใกล้ๆแล้วผ่านไปสักระยะจะรู้สึกว่าตาเบลอ ๆ  ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอาการที่บ่งบอกถึงโรคตาแห้ง

การรักษา : คือการปรับพฤติกรรมการใช้สายตาให้เหมาะสมร่วมกันการใช้น้ำตาเทียมหยอดตา ซึ่งมีส่วนประกอบของน้ำและไขมัน อาจใช้แว่นกรองแสง แว่นกันแดด เพื่อป้องกันการระเหยของน้ำตาร่วมด้วยโดยเฉพาะในผู้ที่อยู่กับลมแรง เช่นคนที่ทำงานขับขี่มอเตอร์ไซค์ส่งของทั้งวัน เป็นต้น

  • ไมเกรน  อาการทางตา ที่พบได้บ่อยคือ เห็นเป็นแสงสว่างเป็นวงและบริเวณขอบๆมีแสงสีรุ้งเป็นเส้นซิกแซก เริ่มจากตรงกลางภาพและขยายขนาดหรือเคลื่อนที่ออกไปทางด้านข้าง บางครั้งเห็นภาพบิดเบี้ยว บริเวณตรงกลางภาพหายไป หรือเห็นภาพเป็นสีขาวดำ ก็เป็นได้ และอีกอาการที่พบได้น้อยคือ retinal migraine จะมีอาการตามัวหรือมืดไป แต่มีอาการเป็นบางช่วงเวลาเท่านั้นประมาณวินาทีถึงนาที จากนั้นจะมองเห็นเป็นปกติ มักเป็นตาเดียว มักมีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย เกิดจากการหดเกร็งของหลอดเลือดแดงที่มาเลี้ยงจอประสาทตา (retina)

การรักษา: รักษาตามสาเหตุที่ทำให้เกิดตาพร่ามัวชั่วคราวข้างเดียวได้ ได้แก่การตรวจหลอดเลือดแดงที่คอและการตรวจหัวใจ เมื่อผลการตรวจเพิ่มเติมปกติและผู้ป่วยมีอาการตามัวเป็นซ้ำบ่อยๆ แพทย์จะพิจารณาให้ยาที่มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือด ส่วนอาการปวดศีรษะรักษาเหมือนอาการปวดศีรษะไมเกรน

2. เกิดจากโรคที่รุนแรง ที่เกิดจากการดวงตาขาดเลือดไปเลี้ยง เช่น

  • โรคหลอดเลือดแดงจอประสาทตาอุดตัน (Central retinal artery occlusion) จะทำให้ตาข้างใดข้างหนึ่งมืดลงในเวลาไม่กี่นาที ไม่เจ็บปวด แต่เป็นโรคร้ายแรง ควรพบจักษุแพทย์ภายใน 6-24 ชั่วโมงจึงจะมีโอกาสกลับมามองเห็นได้อีก
  • โรคเลือดออกใต้จุดรับภาพ (Submacular hemorrhage) เป็นโรคที่อาจเกิดจากอาการจอประสาทตาเสื่อมตามอายุหรือเป็นผู้ที่เคยมีอุบัติเหตุกับดวงตา จนเกิดภาวะเลือดออกใต้จุดรับภาพ การมองเห็นจึงแย่ลงทันที และอาจขยายขนาดจนบังบริเวณที่มองเห็น จนทำให้ตามืดดับไป
  • โรคต้อหินเฉียบพลัน (Acute glaucoma) นอกจากปวดตาและปวดศีรษะอย่างรุนแรงแล้วจะมีอาการตามัวข้างใดข้างหนึ่ง ภายในเวลาไม่กี่นาทีถึงชั่วโมง ตาจะแดงและมัวลงจนถึงมืดดับไป เพราะเกิดภาวะความดันในลูกตา บางคนอาจเวียนศีรษะและคลื่นไส้อาเจียนด้วย ต้องรีบไปพบแพทย์ เพื่อให้การรักษาอย่างรวดเร็ว
  • โรคเส้นประสาทตาอักเสบ (Optic neuritis) ตาจะมัวลงข้างใดข้างหนึ่งหรือสองข้าว ปวดลึก ๆ ในตาเมื่อมีการกลอกตา อาจมองไม่เห็นเป็นบริเวณหรือทุกบริเวณ โดยอาจจะค่อย ๆ ลุกลามจากการมองไม่เห็นบางบริเวณในช่วงแรกก่อน แต่หากให้การรักษาอย่างถูกต้องจะทำให้

สามารถรักษาให้กลับมามองเห็นได้อีก แต่ต้องรู้ตัวทันทีและได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วด้วย ดังนั้นเราจึงควรหมั่นสังเกตความสามารถในการมองเห็นของตัวเองเป็นระยะ ทั้งการมองทั้งสองข้างและมองแบบปิดตามองทีละข้าง เพื่อเปรียบเทียบกัน หรือมีอาการผิดปกติหรือสงสัยว่าตาข้างใดมีปัญหา ต้องทดสอบและรักษาอย่างทันท่วงที ดังนั้น ภาวะสูญเสียประสิทธิภาพการมองเห็นชั่วคราวอาจจะเกิดจากโรคทางตา หรือพฤติกรรมในการดำรงชีวิตในปัจจุบันได้ เราจึงควรหมั่นดูแลสุขภาพดวงตา และคอยสังเกตอาการหรือความผิดปกติของดวงตา เพราะดวงตาของเรามีเพียงคู่เดียว